องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆหลีกเลี่ยงการระงับโครงการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่มีหลายประเทศประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน
WHO ระบุว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาของ WHO กำลังพิจารณารายงานที่ระบุว่าวัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย และ WHO จะเปิดเผยผลการตรวจสอบอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ดี WHO ระบุว่า ไม่มีแนวโน้มที่ WHO จะเปลี่ยนแปลงคำแนะนำเดิมที่ให้ไว้ในเดือนที่แล้ว ที่ระบุว่า ประเทศต่างๆควรทำการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง ซึ่งรวมทั้งในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่อาจลดประสิทธิภาพของวัคซีน
เยอรมนีเป็นประเทศล่าสุดในสหภาพยุโรป (EU) ที่ประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า โดยให้มีผลในทันที ท่ามกลางความกังวลหลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน
นายคริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษก WHO กล่าวว่า "ณ วันนี้ ยังคงไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการฉีดวัคซีน และเป็นเรื่องสำตัญที่โครงการฉีดวัคซีนจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้เราสามารถรักษาชีวิตของประชาชน และสกัดอาการรุนแรงที่เกิดจากไวรัสดังกล่าว"
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนีแถลงว่า การระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าถือเป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า และเป็นไปตามคำแนะนำของสถาบันพอล เออร์ลิช ซึ่งเป็นองค์กรกำกับนโยบายวัคซีนแห่งชาติของเยอรมนี
ก่อนหน้านี้ เดนมาร์ก ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์ก เอสโทเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย โรมาเนีย ต่างก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีน
ส่วนประเทศนอก EU เช่น อินโดนีเซียและคองโก ก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน