นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รมว.คลังออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ออสเตรเลียยังไม่มีแผนระงับการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แม้หลายๆ ประเทศในยุโรปได้สั่งระงับการใช้วัคซีนตัวนี้เนื่องจากกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว
รมว.คลังออสเตรเลีย ชี้แจงถึงสาเหตุที่ยังไว้ใจวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าว่าเป็นเพราะองค์การยาแห่งยุโรปและองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังฝรั่งเศสประกาศแผนระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อรอการประเมินความปลอดภัยจากองค์การยาแห่งยุโรป (EMA)
ขณะเดียวกัน เยอรมนีก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน โดยให้มีผลในทันที ท่ามกลางความกังวลหลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน
ก่อนหน้านี้ เดนมาร์ก ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์ก เอสโทเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย โรมาเนีย ต่างก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีน
ส่วนประเทศนอก EU เช่น อินโดนีเซียและคองโก ก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ หลีกเลี่ยงการระงับโครงการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่มีหลายประเทศประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน
นายคริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษก WHO กล่าวว่า "ณ วันนี้ ยังคงไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการฉีดวัคซีน และเป็นเรื่องสำตัญที่โครงการฉีดวัคซีนจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อให้เราสามารถรักษาชีวิตของประชาชน และสกัดอาการรุนแรงที่เกิดจากไวรัสดังกล่าว"
ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้ทำข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนกับแอสตร้าเซนเนก้าเป็นจำนวน 53.8 ล้านโดส ซึ่งในจำนวนนี้เป็นวัคซีนที่จะผลิตในออสเตรเลีย 50 ล้านโดส โดยออสเตรเลียได้สั่งซื้อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในสัดส่วนที่มากกว่าวัคซีนของบริษัทอื่น