อินโดนีเซียประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย
"เราเพียงแต่เลื่อนการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกไปชั่วคราว แต่ยังไม่มีการยกเลิก โดยเรากำลังรอผลการสืบค้นจากองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนดังกล่าว" โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียกล่าว
โฆษกยังระบุว่า อินโดนีเซียได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 1.1 ล้านโดสจากโครงการ COVAX เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งรัฐบาลไม่มีความกังวลว่าวัคซีนดังกล่าวจะหมดอายุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถฉีดวัคซีนจำนวน 250,000-300,000 โดส/วัน ซึ่งหมายความว่าจะมีการฉีดวัคซีน 1.1 ล้านโดสหมดภายในเวลาเพียง 5 วัน
องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศต่างๆหลีกเลี่ยงการระงับโครงการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่มีหลายประเทศประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากกังวลต่อผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน
WHO ระบุว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาของ WHO กำลังพิจารณารายงานที่ระบุว่าวัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย และ WHO จะเปิดเผยผลการตรวจสอบอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทางด้านองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) แถลงว่า EMA จะทำการพิจารณาทบทวนข้อมูลในวันนี้เกี่ยวกับรายงานที่ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย และ EMA จะจัดการประชุมวาระพิเศษในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อหาข้อสรุปต่อรายงานดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เยอรมนี ฝรั่งเศส เดนมาร์ก ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์ก เอสโทเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย โรมาเนีย ต่างก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีน
ส่วนประเทศนอก EU เช่น อินโดนีเซียและคองโก ก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน