รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งพลเมืองฟิลิปปินส์ที่จะเดินทางกลับประเทศในช่วงตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ไปจนถึงวันที่ 19 เม.ย. เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคำสั่งดังกล่าวมีข้อยกเว้นสำหรับแรงงานต่างชาติ
แถลงการณ์ของรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า ภายใต้คำสั่งดังกล่าว รัฐบาลจะจำกัดจำนวนประชาชนที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเหลือเพียง 1,500 คนต่อวัน โดยในจำนวนนี้ไม่รวมเจ้าหน้าที่ทูตและบุคคลากรทางการแพทย์
เมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์เคยออกมาตรการห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่หลังจากนั้นรัฐบาลได้เริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ปัจจุบัน ชาวต่างชาติได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าฟิลิปปินส์ได้หากพวกเขามีวีซ่า หรือมีวีซ่าที่หน่วยงานของรัฐบาลออกให้เพื่อเข้ามาทำงานในฟิลิปปินส์
หน่วยงานด้านสาธารณสุขของฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นหลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในฟิลิปปินส์ขณะนี้อยู่ที่ 631,320 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 12,848 ราย
ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 โดยการระบาดไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับกลุ่มประชาชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ ซึ่งรายงานล่าสุดระบุว่า นายแฮร์รี่ โร้ก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก และได้ทำการกักตัวทันทีที่รู้ผล
นายโร้กถือเป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนที่ 5 ในรัฐบาลปธน.ดูเตอร์เต ที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากเมื่อปีที่แล้ว นายรามอน โลเปซ รัฐมนตรีการค้า, นายมาร์ค วิลลาร์ รัฐมนตรีฝ่ายงานสาธารณะและทางหลวง, นางลีโอนอร์ ไบรโอเนส รัฐมนตรีศึกษาธิการ และนายเอดูอาร์โด อาโน รัฐมนตรีมหาดไทย ติดเชื้อโควิด-19 และขณะนี้ทั้งหมดหายดีแล้ว