รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมประกาศบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงปารีสและเขตใกล้เคียง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 หลังมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
"สถานการณ์การแพร่ระบาดกำลังย่ำแย่ลง การที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธุ์แพร่ระบาดเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์โดยรวมเปลี่ยนไป นายกาเบรียล อัตตาล โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวานนี้
นายอัตตาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะมีการบังคับใช้มาตรการเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มากที่สุด โดยเฉพาะในกรุงปารีสและเขตใกล้เคียง
รายงานข่าวระบุว่า ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับว่าเข้าขั้นวิกฤติ โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 1,100 รายเข้ารับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) ของโรงพยาบาลในพื้นที่จนเต็ม ทำให้ต้องมีการส่งผู้ป่วยบางส่วนไปยังโรงพยาบาลในเขตอื่นซึ่งได้รับผลกระทบน้อยกว่าแทน
ระหว่างการเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสได้กล่าวกับกลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขว่า "เราจะเตรียมพร้อมเพื่อทำการตัดสินใจใดๆ ที่จำเป็นต้องทำ" และให้คำมั่นว่ามาตรการใหม่นั้นจะยึดหลักปฏิบัติได้จริงและมีลำดับขั้นตามความเหมาะสม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38,501 ราย ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2563 ซึ่งมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อถึง 45,522 รายในวันเดียว