เว็บไซต์ของ "The New England Journal of Medicine" เผยแพร่ผลการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCT) กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AZD1222) พบว่า วัคซีนดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351)
การทดลอง RCT ดังกล่าวเป็นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าให้กับอาสาสมัครราว 2,000 คนในแอฟริกาใต้ โดยแบ่งอาสาสมัครซึ่งมีอายุระหว่าง 18 ปีจนถึงไม่เกิน 65 ปีออกเป็น 2 กลุ่ม และทำการเปรียบเทียบกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 2 เข็ม กับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (placebo) และจากนั้นก็ติดตามดูการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้
จากผลการทดลองปรากฎว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ (Mild to Moderate) ได้เพียง 10.4% เท่านั้น
ทั้งนี้ การเผยแพร่ผลการทดลองดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้ถูกปฏิเสธจากหลายประเทศในยุโรปซึ่งรวมถึงเยอรมนี หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีนดังกล่าว
ส่วนประเทศนอก EU เช่น อินโดนีเซียและคองโก ก็ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ระบุว่า ประเทศต่างๆควรใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าต่อไปในระหว่างที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ WHO ยังคงทำการพิจารณาทบทวนด้านความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าว หลังจากที่มีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย