รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและสามจังหวัดโดยรอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 มี.ค.) ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายในญี่ปุ่นที่อยู่ภายใต้มาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว เมืองคานากาวะ เมืองชิบะ และเมืองไซตามะ หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อและด้านอื่นๆ มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นได้แจ้งต่อคณะผู้เชี่ยวชาญว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดิมที่พบในญี่ปุ่นก่อนจะนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งแรกนั้น มีจำนวนลดลงแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่มีผลต่อการพิจารณายกเลิกมาตรการดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ กรุงโตเกียว เมืองคานากาวะ เมืองชิบะ และเมืองไซตามะ อยู่ภายใต้การประกาศภาวะฉุกเฉินนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ปีนี้ โดยภายใต้มาตรการดังกล่าว ร้านอาหารและผับบาร์จะต้องปิดให้บริการภายในเวลา 20.00 น. และประชาชนต้องหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในเวลากลางคืน นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ขอความร่วมมือจากบริษัทให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน และจำกัดผู้เข้าร่วมงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ไม่เกิน 5,000 คน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงการประกาศภาวะฉุกเฉินในวันข้างหน้า ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน ปรับปรุงระบบการแพทย์ให้มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มการตรวจหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์
ทางด้านนายโนริฮิสะ ทามุระ รัฐมนตรีสาธารณสุขของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องตรวจเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ จากปัจจุบันที่กำหนดเป็นรายประเทศ
ภายใต้มาตรการปัจจุบัน ผู้ที่เดินทางมาจาก 24 ประเทศที่พบว่ามีการกลายพันธุ์ของไวรัส จะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เพิ่มเติมหลังจากเข้าญี่ปุ่นมาแล้ว 3 วัน นอกจากนี้ ทางการยังเฝ้าติดตามว่าทุกคนปฏิบัติตามมาตรการกักตัว 14 วันอย่างเคร่งครัดหรือไม่
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์รายการทางสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคเมื่อวานนี้ นายทามุระยังเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะใช้บริการบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนเพื่อติดตามผู้ที่กักตัวเองในบ้านหรือที่พักอาศัยของตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามกฎระเบียบ