สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) คาดการณ์ว่า ผู้ประกอบการธนาคารต่างๆ ในสหรัฐจะทำรายได้มากเป็นประวัติการณ์ในปี 2564 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวและตลาดการเงินยังคงแข็งแกร่ง
นายทิม อดัมส์ ประธานบริหารของ IIF เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจะช่วยให้รายได้จากการปล่อยกู้และค่าธรรมเนียมของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน บรรยากาศการลงทุนที่คึกคักขึ้นก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน
"ผมคิดว่าภายในปีนี้เราน่าจะได้เห็นรายได้ของธนาคารทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นปีที่กิจการของกลุ่มธนาคารสดใส โดยจะเห็นได้จากแนวโน้มของหุ้นกลุ่มธนาคาร และผมคิดว่าหุ้นจะปรับตัวตามพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต่อไป อย่างน้อยก็ถึงช่วงปลายปีนี้" นายอดัมส์กล่าวกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ CNBC
หุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐต่างปรับตัวขึ้นในปีนี้ โดยในบรรดาผู้ประกอบการธนาคารรายใหญ่นั้น หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 40.8% ในปีนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พ.ค.) ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเจพีมอร์แกน เชสพุ่งขึ้น 40.4% และ 29.3% ตามลำดับ
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2564 ในระดับที่สูงเกินตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากหลายสถาบัน โดยผลประกอบการที่ดีขึ้นของบรรดาธนาคารในสหรัฐนั้น เป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด
ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งใช้เป็นดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐเดือนเม.ย. พุ่งสูงขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551