ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐออกแถลงข่าวหลังการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G7 สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ โดยเรียกร้องให้จีนแสดงความรับผิดชอบในด้านสิทธิมนุษยชน และเน้นย้ำถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ตลอดจนแสดงความกังขาในคำอธิบายของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ปธน.ไบเดนเปิดเผยว่า เขาและผู้นำคนอื่นๆ ยังคงมีความวิตกกังวลในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลจีนขาดความโปร่งใส
"เรายังไม่สามารถเข้าถึงห้องทดลองเพื่อทำการตรวจสอบว่า การแพร่ระบาดของโรคนั้นมีต้นตอจากการสัมผัสเชื้อจากค้างคาวในตลาดสด หรือเกิดจากความผิดพลาดในห้องทดลอง ทั้งนี้ ผมยังไม่ได้สรุปข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญของเราก็ยังไม่สามารถให้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้เช่นกัน" ปธน.ไบเดนกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังระบุว่า กลุ่ม G7 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศในระบอบประชาธิปไตยที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนั้น อยู่ระหว่างการต่อสู้ทางแนวคิดกับรัฐบาลเผด็จการของประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลจีนด้วย
"ผมคิดว่าพวกเราอยู่ระหว่างการเผชิญหน้า อาจไม่ใช่กับจีนเสียทีเดียว แต่เป็นการเผชิญหน้ากับผู้นำเผด็จการและรัฐเผด็จการต่างๆ ทั่วโลก เพื่อดูว่าประเทศในระบอบประชาธิปไตยจะสามารถแข่งขันกับรัฐเหล่านี้ได้หรือไม่ในยุคศตวรรษที่ 21 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" ปธน.ไบเดนกล่าว
ปธน.ไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐจะหันกลับมาสานสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรอีกครั้ง หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวจากเวทีโลกตามนโยบาย "America First"
"สหรัฐจะหวนคืนสู่เวทีผู้นำโลกอีกครั้ง โดยร่วมมือกับชาติพันธมิตรที่มีแนวคิดตรงกับความเชื่อที่เรายึดถือ" ปธน.ไบเดนกล่าว