Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 176,771,652 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3,820,733 ราย
สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (34,321,158) รองลงมาคืออินเดีย (29,510,410), บราซิล (17,413,996), ฝรั่งเศส (5,740,665), ตุรกี (5,330,447), รัสเซีย (5,222,408), สหราชอาณาจักร (4,565,813), อิตาลี (4,244,872), อาร์เจนตินา (4,124,190), โคลอมเบีย (3,753,224), สเปน (3,733,600), เยอรมนี (3,723,294) และอิหร่าน (3,028,717)
ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ โปแลนด์ เม็กซิโก ยูเครน และเปรู
ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ เนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐเชค ชิลี แคนาดา ฟิลิปปินส์ อิรัก สวีเดน โรมาเนีย และเบลเยียม
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (615,053) ตามมาด้วยบราซิล (487,476), อินเดีย (374,305), เม็กซิโก (230,148), สหราชอาณาจักร (127,904), อิตาลี (127,002), รัสเซีย (126,801) และฝรั่งเศส (110,420)
ขณะนี้ ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 2.35 พันล้านโดส โดยมีการฉีดให้แก่ประชาชนใน 178 ประเทศ
ทั้งนี้ ประชากรโลกจำนวน 15.4% ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว
อย่างไรก็ดี การกระจายวัคซีนยังคงไม่มีความเท่าเทียมกัน โดยประเทศในกลุ่มที่มีรายได้สูงสุดได้รับการฉีดวัคซีนเร็วกว่ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำสุดถึง 30%
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมากที่สุดในโลก โดยขณะนี้ฉีดไปแล้ว 878 ล้านโดสให้แก่ประชากรจำนวน 31.4% คิดเป็นการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 16.5 ล้านโดสต่อวัน
ส่วนสหรัฐมีการฉีดวัคซีนจำนวน 309 ล้านโดสให้แก่ประชากรจำนวน 48.3% โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐมีการฉีดวัคซีนเฉลี่ย 1.1 ล้านโดสต่อวัน ซึ่งหากอิงจากอัตราดังกล่าว สหรัฐจะต้องใช้เวลาอีก 5 เดือนเพื่อที่จะสามารถฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรจำนวน 75%
ขณะเดียวกัน อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 36.1 ล้านโดสต่อวัน ซึ่งหากอิงจากอัตราดังกล่าว จะต้องใช้เวลาอีก 1 ปีเพื่อที่จะทำให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ที่เพียงพอในระดับโลก
สถิติบ่งชี้ว่าอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทรงตัวหรือลดลงในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก และขณะนี้ 16 ประเทศทั่วโลกได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรอย่างน้อย 40%