กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐประกาศขยายระยะเวลาการปิดพรมแดนทางบกที่ติดกับแคนาดาและเม็กซิโกจนถึงวันที่ 21 ก.ค.นี้ โดยจะยกเว้นให้ผู้ที่มีเหตุจำเป็นต้องเดินทางเท่านั้น
คำสั่งขยายระยะเวลาการปิดพรมแดนเป็นเวลา 30 วันครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากแคนาดาประกาศขยายระยะเวลามาตรการจำกัดการเดินทาง ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดในวันนี้ และได้มีการบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
กระทรวงความมั่นคงฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า "เราพบว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์มีความคืบหน้าไปในทางที่ดี ขณะนี้เรากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญของทำเนียบขาว และจะประสานงานกับหน่วยงานแคนาดาและเม็กซิโกเพื่อพิจารณาว่า ต้องกำหนดเงื่อนไขอย่างไรจึงจะสามารถยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางได้อย่างปลอดภัยและยาวนาน"
สมาชิกสภานิติบัญญัติและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพรมแดนต่างๆ ของสหรัฐนั้นประสบกับความยากลำบากจากมาตรการจำกัดการเดินทาง โดยบุคคลกลุ่มนี้ได้ผลักดันให้มีการผ่อนคลายมาตรการก่อนถึงฤดูร้อนที่มีกำหนดการเดินทางบ่อยครั้ง
ด้านแคนาดาก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากผู้ประกอบการต่างๆ และภาคธุรกิจการท่องเที่ยวให้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ซึ่งถูกบังคับใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และได้มีการขยายระยะเวลาทุกเดือนมาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
อย่างไรก็ดี นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดายืนกรานว่า จะไม่เปิดพรมแดนจนกว่าประชาชนชาวแคนาดา 75% จะได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกแล้ว และ 20% ได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สอง
ขณะเดียวกัน สหรัฐยังได้จัดการประชุมเพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางให้กับอังกฤษและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐและตัวแทนจากสายการบินต่างๆ ระบุว่า คาดว่ารัฐบาลสหรัฐจะยังคงไม่ยกเลิกมาตรการจำกัดจนถึง 4 ก.ค. นี้