สมาคมผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย (Margma) เข้ายื่นคำร้องต่อรัฐบาลมาเลเซียเพื่อขออนุญาตเปิดโรงงานผลิตถุงมือยางในรัฐสลังงอร์ต่อไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานถุงมือยางในตลาดโลก หลังจากที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมการเดินทางสัญจรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (3 ก.ค.)
นายสุปรามาเนียม ชานมุกาม ประธานของ Margma ออกแถลงข่าวว่า Margma ต้องการหารือกับกระทรวงพาณิชย์มาเลเซียในประเด็นนี้ เนื่องจากถุงมือยาง 58% ของโลกผลิตขึ้นในมาเลเซีย และใช้วัตถุดิบจากต้นยางในรัฐสลังงอร์
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้ยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในรัฐสลังงอร์ซึ่งเป็นรัฐอุตสาหกรรมหลักและในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยทั้งสองแห่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด ถึงแม้จะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศแล้วก็ตาม โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 50% ของตัวเลขที่ประกาศออกมาเมื่อวันเสาร์เป็นยอดผู้ติดเชื้อที่มาจากรัฐสลังงอร์
"ลูกค้าทั่วโลกของบริษัทผู้ผลิตได้แสดงความกังวลว่าจะเกิดปัญหาขาดแคลนถุงมือยางที่เราผลิตและจัดส่งให้พวกเขา" นายชามุกามเผย พร้อมระบุเสริมว่า มาตรการล็อกดาวน์ทำให้การจัดส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างล่าช้า
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของนายชานมุกามระบุว่า บริษัทในสมาคม Margma เป็นผู้ผลิตและส่งออกถุงมือยางไปยัง 195 ประเทศ และจัดหาถุงมือยางเป็นสัดส่วน 67% ของความต้องการทั้งโลก โดยคาดว่า ความต้องการถุงมือยางในปี 2564 จะยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2 แสนล้านชิ้นเช่นเดิม และจะเพิ่มขึ้น 15-20% ในปี 2565