องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ลงนามในสัญญากับบริษัท แจนเซ่น ฟาร์มาซูติกา เพื่อส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จำนวน 220 ล้านโดสให้กับสมาชิกสหภาพแอฟริกา (AU) ทั้ง 55 ประเทศ
แถลงการณ์ของยูนิเซฟระบุว่า วัคซีนราว 35 ล้านโดสจะส่งมอบภายในสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ สัญญาระหว่างยูนิเซฟกับบริษัทแจนเซ่นจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำข้อตกลงการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า ซึ่งได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างโครงการ African Vaccine Acquisition Trust (AVAT) และแจนเซ่นเมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยสัญญาดังกล่าวครอบคลุมการจัดซื้อวัคซีนจำนวน 180 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 2565 จะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ทั้งสิ้น 400 ล้านโดส
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า AU ได้จัดตั้ง AVAT ขึ้นมาเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เพื่อส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประเทศต่างๆ ในแอฟริกา โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 60% ในภูมิภาค โดยยูนิเซฟจะดำเนินการจัดหาและส่งมอบวัคซีนในนามของโครงการ AVAT โดยมีพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกาและธนาคารโลกร่วมดำเนินการด้วย
"ประเทศในแอฟริกาจะต้องสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ในราคาที่สมเหตุสมผลและทั่วถึงโดยเร็ว เนื่องจากการเข้าถึงวัคซีนในตอนนี้ยังไม่ครอบคลุมและไม่เท่าเทียม โดยมีประชากรในแอฟริกาไม่ถึง 1% ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้" นางเฮนเรียตต้า ฟอร์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟกล่าว
"การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชากรโลกเป็นหนึ่งในการดำเนินงานด้านสาธารณสุขขนานใหญ่และซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะที่ไวรัสยังคงแพร่กระจายและกลายพันธุ์ไม่หยุด" นางฟอร์กล่าว