สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศ 56 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในรอบ 15 เดือน โดยมาจากการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในร้านคาราโอเกะ อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุว่า การระบาดที่เกิดจากคลัสเตอร์ใหม่นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดเศรษฐกิจ
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 56 รายที่พบเมื่อวานนี้ มี 41 รายที่มีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ในร้านคาราโอเกะ ส่วนอีก 6 รายเป็นผู้ติดเชื้อจากแหล่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน โดยยอดผู้ติดเชื้อดังกล่าวเป็นตัวเลขสูงสุดที่พบนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ 64 ราย
การพบคลัสเตอร์ใหม่ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สิงคโปร์เพิ่งควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อได้สำเร็จไม่นาน หลังบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เช่น การห้ามทานอาหารที่ร้านและจำกัดจำนวนการรวมกลุ่ม ขณะที่ร้านคาราโอเกะได้ถูกสั่งปิดให้บริการตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด อย่างไรก็ดี ร้านคาราโอเกะหลายแห่งได้หันมาเปิดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแทน
ขณะเดียวกัน ทางการสิงคโปร์ได้เร่งตรวจสอบสาเหตุของการระบาดในครั้งนี้ และได้สั่งปิดร้านที่พบผู้ติดเชื้อเป็นเวลาสองสัปดาห์ และดำเนินการตรวจหาเชื้อฟรีแก่ผู้ที่ไปร้านดังกล่าว รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดกับพนักงานต้อนรับชาวเวียดนาม
ทั้งนี้ สิงคโปร์ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้รวมกลุ่มทานอาหารที่ร้านได้ไม่เกิน 5 คน จากก่อนหน้านี้ที่อนุญาตให้ไม่เกิน 2 คน โดยรัฐบาลย้ำว่า การฉีดวัคซีนให้ประชากร 5.7 ล้านคนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กลับมาเปิดเศรษฐกิจได้
นายออง เย คุง รัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์กล่าวว่า การพบคลัสเตอร์ใหม่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งอนุญาตให้รวมกลุ่มในร้านอาหารได้มากขึ้น เนื่องจากสิงคโปร์มีอัตรากาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในระดับสูง
ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า นับจนถึงวันที่ 12 ก.ค. สิงคโปร์ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วกว่า 6.3 ล้านโดส โดยในจำนวนมีกว่า 4 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว