องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาใน 111 ประเทศและดินแดน ซึ่งส่งผลให้เดลตามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อัฟกานิสถาน ไนจีเรีย และเอกวาดอร์เป็น 3 ประเทศจากทั้งหมด 15 ประเทศที่รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ WHO เตือนว่า สายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดในอีกหลายประเทศ และจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยข้อมูลระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ก.ค.) นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้ออกมาประกาศเตือนถึง "การระบาดครั้งร้ายแรง" ที่เกิดจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กำลังแพร่กระจายด้วยความเร็วสูง
"เมื่อสัปดาห์ก่อน จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4" นายแพทย์ทีโดรสแถลงข่าวออนไลน์จากนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ "ขณะที่ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตกลับมาเพิ่มสูงอีกครั้ง หลังลดลงนานถึง 10 สัปดาห์"
นายแพทย์ทีโดรสกล่าวเตือนถึงอันตรายของการเร่งรีบผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ขณะหลายประเทศยังคงเผชิญปัญหาขาดแคลนวัคซีน โดยระบุว่า "กลยุทธ์การรับมือในปัจจุบันทำให้ผมนึกถึงทีมดับเพลิงที่เข้าจัดการไฟป่า การดับไฟเพียงบางส่วนอาจช่วยให้เปลวไฟในพื้นที่หนึ่งลดลง แต่มันยังคงคุกรุ่นอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้ประกายไฟกลับมาลุกไหม้อีกครั้งในท้ายที่สุด" ด้วยเหตุนี้ นายแพทย์ทีโดรสจึงเรียกร้องรัฐบาลต่างๆ แบ่งปันวัคซีนให้กับชาติอื่นๆ เพื่อร่วมกันกำจัดเพลิงแห่งโรคระบาดที่ลุกลามอยู่ทุกหนทุกแห่ง