รัฐบาลแคนาดาอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วเดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีคำสั่งห้ามชาวสหรัฐเดินทางเข้าประเทศนาน 16 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจจำนวนมาก
นายจัสติน ทรูโดแถลงต่อสื่อมวลชนว่า "จากอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลง ทำให้เราสามารถปรับมาตรการเดินทางข้ามพรมแดนได้"
เจ้าหน้าที่รัฐบาลแคนาดาระบุว่า ประชาชนที่อยู่ในแคนาดาราว 50% ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว ขณะที่อีก 75% ได้รับวัคซีนแล้วหนึ่งโดส
รัฐบาลแคนาดาชี้แจงว่า นักเดินทางจากประเทศอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนแล้วนอกเหนือจากสหรัฐจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการนั้นจะพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแคนาดาว่าไม่อยู่ในระดับเสี่ยง
ก่อนหน้านี้ ภาคธุรกิจในแคนาดาและสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเดินทางและสายการบินได้เร่งรัดให้รัฐบาลยุติมาตรการควบคุมการเดินทางที่ไม่จำเป็นระหว่างสองประเทศซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้วและได้ส่งผลให้การเดินทางทางบกโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นระหว่างสหรัฐและแคนาดาถูกระงับตั้งแต่นั้นมา
ทางด้านนายเพอร์ริน บีทตี้ ประธานหอการค้าแคนาดา ระบุว่า "เศรษฐกิจของแคนาดาขยับจากช่วงฟื้นตัวเข้าสู่ช่วงขยายตัว การมีมาตรการสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในแคนาดา"
จนถึงขณะนี้ สหรัฐและแคนาดามีการพิจารณาขยายมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดนเดือนต่อเดือน
ทางด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่า สหรัฐจะออกมาตรการเช่นเดียวกับแคนาดาหรือไม่
"เรายังคงทบทวนการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการการเดินทาง โดยจะปฏิบัติตามแนวทางของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุข... ดิฉันไม่ได้มองว่าจะต้องตัดสินใจแบบเดียวกัน" นางซากีตอบคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของแคนาดาต่อสื่อมวลในระหว่างแถลงข่าว