ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐในอิรักจะยุติภารกิจสู้รบภายในสิ้นปีนี้ แต่จะยังคงฝึกและช่วยเหลือกองทัพอิรักต่อไป ปธน.ไบเดนกล่าวในระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมีแห่งอิรักที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า "บทบาทของเราในอิรักยังคงจะมีไว้เพื่อฝึกฝน ให้ความช่วยเหลือ และจัดการกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) ต่อไป แต่เราจะไม่มีภารกิจสู้รบอีกต่อไปภายในสิ้นปีนี้"
ปธน.ไบเดนระบุว่า "ความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายของเราจะยังคงดำเนินต่อไป แม้ในขณะที่เราเปลี่ยนผ่านสู่เฟสใหม่"
นายอัล-คาดิมีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีก่อนการเดินทางเยือนสหรัฐว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีกองทัพต่างชาติอยู่ในอิรัก "สิ่งที่เราต้องการจากสหรัฐในอิรักคือการสนับสนุนกองทัพของเราในการฝึกอบรม พัฒนาประสิทธิภาพและความสามารถของพวกเขา ตลอดจนความร่วมมือด้านความมั่นคง"
ปัจจุบัน มีทหารสหรัฐประมาณ 2,500 นายประจำการอยู่ในอิรัก โดยโฆษกทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะระบุจำนวนทหารที่จะประจำการอยู่ในอิรักภายในสิ้นปีนี้
สื่อของสหรัฐระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่นำไปสู่การลดจำนวนทหารของสหรัฐในอิรักลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากทหารอเมริกันส่วนใหญ่ในประเทศได้ฝึกฝนและให้คำแนะนำแก่กองกำลังอิรักแล้ว
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะถอนกำลังทหารของสหรัฐ แต่ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจนสำหรับการถอนกำลังดังกล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า ผู้นำอิรักเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในประเทศจากกลุ่มชีอะห์ที่เรียกร้องให้ถอนกองกำลังทหารของสหรัฐทั้งหมดออกจากประเทศ โดยการเปลี่ยนแปลงภารกิจของกองกำลังสหรัฐถูกมองว่าเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองสำหรับนายอัล-คาดิมีก่อนการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนต.ค.นี้