บริษัทหลายแห่งของสหรัฐ อาทิ ไทสัน ฟู้ดส์, ไมโครซอฟท์ และผู้ผลิตรถยนต์อีก 3 รายในเมืองดีทรอยต์ ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายการฉีดวัคซีนและการสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้ต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมโรครอบใหม่
ไมโครซอฟท์เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า พนักงานทุกคน, ผู้จัดจำหน่าย และผู้ที่มาติดต่อกับบริษัทจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนเข้ามาในอาคารสำนักงานในสหรัฐ ขณะที่ไทสัน ฟู้ดส์ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ของสหรัฐออกมาระบุเช่นกันว่า บริษัทออกมาตรการให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
นายดอนนี่ คิง ซีอีโอของไทสัน ฟู้ดส์กล่าวว่า "เราไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้แบบหละหลวม แต่เราใช้เวลาหลายเดือนกระตุ้นให้ลูกทีมฉีดวัคซีน จนถึงวันนี้คนในทีมของเราฉีดวัคซีนไปแล้วครึ่งหนึ่ง"
ด้านแก๊ป อิงค์ (Gap Inc) ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าจากสหรัฐเปิดเผยว่า พนักงานที่เข้าออฟฟิศในสาขาอ่าวซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ก และอัลบูเคอร์คีต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงให้พนักงานประจำสำนักงานและร้านย่านอ่าวซานฟรานซิสโกสวมหน้ากากอนามัยต่อไป ส่วนสาขาอื่นๆ นั้นจะให้พนักงานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคาร เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย
ขณะที่เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ และสเตลแลนติส รวมถึงสหภาพแรงงานรถยนต์ (UAW) จะบังคับให้พนักงานในโรงงาน, สำนักงาน และคลังสินค้าทุกแห่งในสหรัฐต้องสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้บังคับให้พนักงานต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทต่างๆ ได้ทบทวนนโยบายดังกล่าวอีกครั้งหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้กำหนดแนวทางรอบใหม่ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วทุกคนกลับมาสวมหน้ากากอนามัย