ทำเนียบขาวแถลงในวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐยังคงพร้อมที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้แก่ประชาชน หากมีความจำเป็น แม้ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติระงับโครงการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของการฉีดวัคซีนทั่วโลก
"นี่เป็นทางเลือกที่ผิด โดยสหรัฐสามารถดำเนินการได้ทั้งสองอย่าง ด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชน หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติในสหรัฐ และสหรัฐยังสามารถบริจาควัคซีนส่วนเกินให้แก่ชาติอื่นๆ" นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
ทางด้าน WHO ระบุว่า ชาติที่ร่ำรวยควรระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น อย่างน้อยเป็นเวลา 2 เดือน เพื่อให้ WHO บรรลุเป้าในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 10% ของทุกประเทศภายในสิ้นเดือนก.ย.
WHO ยังระบุว่า อาจมีการขยายเวลาระงับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 มากกว่า 2 เดือน หากการฉีดวัคซีนในประเทศที่มีอัตราการฉีดต่ำยังคงไม่เพิ่มขึ้น
"เราจำเป็นต้องพลิกสถานการณ์อย่างเร่งด่วนจากการส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ร่ำรวย ไปสู่การส่งวัคซีนส่วนใหญ่ให้แก่ชาติที่ยากจน" นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าว
นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสยังมีแผนที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชากรโลก 40% ภายในเดือนธ.ค.
การเรียกร้องของ WHO ในวันนี้ สอดคล้องกับที่ WHO ระบุก่อนหน้านี้ว่า WHO ไม่แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็ม 3 เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ แพทย์หญิงเคท โอไบรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิคุ้มกัน, วัคซีน และชีววิทยาของ WHO กล่าวว่า WHO ไม่แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย "ในขณะนี้" เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนประสิทธิภาพในการดำเนินการดังกล่าว
แพทย์หญิงโอไบรอันกล่าวว่า WHO กำลังทำการวิจัยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มีความจำเป็นหรือไม่ในการป้องกันไวรัสที่มีการกลายพันธุ์
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์, โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่างสนับสนุนให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังจากที่ได้รับวัคซีนครบโดสก่อนหน้านี้แล้ว