หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า ไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของสหรัฐ ประกาศปรับขึ้นราคาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รุ่นที่ 2 ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นแรก โดยสามารถรับมือไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตา
ทั้งนี้ สหภาพยุโรป (EU) ได้ลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่กับบริษัททั้งสองแล้ว โดยไฟเซอร์จะปรับขึ้นราคาวัคซีน 25% จากเดิม 15.50 ยูโร/โดส สู่ระดับ 19.50 ยูโร/โดส ขณะที่โมเดอร์นาจะปรับขึ้นราคา 13% จากเดิม 19.50 ยูโร/โดส สู่ระดับ 21.50 ยูโร/โดส ซึ่งราคาใหม่ดังกล่าวจะมีผลต่อวัคซีนที่จะมีการส่งมอบไปยัง EU จำนวน 2,100 ล้านโดสในปี 2566
นายเคลมองต์ บอน รัฐมนตรีฝ่ายกิจการยุโรปของฝรั่งเศส กล่าวว่า ราคาวัคซีนจะมีราคาแพงขึ้น ไม่เพียงแต่กับ EU แต่จะแพงขึ้นสำหรับประเทศผู้ซื้อรายอื่นด้วย
"วัคซีนที่ EU เจรจาล่าสุดจะแตกต่างจากวัคซีนรุ่นแรก โดยมีการพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับไวรัสที่มีการกลายพันธุ์" นายบอนกล่าว
วัคซีนที่มีการฉีดให้แก่ประชากรยุโรปในขณะนี้เป็นวัคซีนที่ EU สั่งก่อนหน้านี้ และมีการผลิตขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ไฟเซอร์และโมเดอร์นาได้ตัดสินใจขึ้นราคาวัคซีนโควิด-19 หลังจากที่ผลการทดลองในระยะที่ 3 บ่งชี้ว่า วัคซีนของทางบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ข่าวการปรับขึ้นราคาวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นามีขึ้น หลังจากบริษัททั้งสองเปิดเผยยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในไตรมาส 2 โดยไฟเซอร์มียอดขายวัคซีนสูงถึง 7,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 260,000 ล้านบาท ขณะที่โมเดอร์นามียอดขายวัคซีน 4,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 140,000 ล้านบาท