สำนักข่าวบีบีซีเผยแพร่บทความที่ระบุว่า จีนกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำของโลกในการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตของพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นผลพวงจากการผลิตเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บทความระบุว่า จีนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่าทุกประเทศ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนกำลังมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายดังกล่าว โดยในปี 2563 จีนติดตั้งพลังงานลมมากกว่าประเทศอื่นถึง 3 เท่า
บทความดังกล่าวอ้างคำพูดของนายเยว่ เกา นักวิจัยจากสถาบันพัฒนาต่างประเทศ (ODI) ที่ระบุว่า "จีนเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลกแล้ว" พร้อมเสริมว่า "เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีสีเขียวที่มีราคาถูกได้ก็คือจีน"
บทความระบุว่า จีนติดอันดับที่ 7 ของโลกในด้านสัดส่วนของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากประเทศมีขนาดใหญ่ จีนจึงสามารถผลิตและซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่าประเทศอื่นในสัดส่วนที่มาก
นอกจากนี้ การศึกษาพบว่า การปล่อยมลพิษตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปจะต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากการขนส่งเป็นสาเหตุในการปล่อยก๊าซคาร์บอนประมาณ 1 ใน 4 จากการเผาไหม้เชื้อเพลิง โดยยานพาหนะที่ใช้บนท้องถนนเป็นตัวปล่อยก๊าซที่มากที่สุด
นอกจากการเปลี่ยนผ่านมาสู่การใช้พลังงานสีเขียว ที่ดินของจีนยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย บทความระบุว่า "ยังมีข่าวที่น่ายินดี จีนกำลังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอัตราที่รวดเร็วกว่าประเทศอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโครงการป่าไม้ที่ออกแบบมาเพื่อลดการพังทลายของหน้าดินและมลพิษ"
ทั้งนี้ จีนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุดและดูดซับสิ่งที่เหลืออยู่ ผ่านการผสมผสานวิธีการต่างๆ พร้อมเพิ่มจำนวนของที่ดินที่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณ เนื่องจากพืชสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้