กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ยืนยันการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดารายแรกของประเทศ โดยเป็นหญิงวัย 35 ปีที่ไม่แสดงอาการและหายป่วยหลังกักตัวเป็นเวลา 10 วัน โดยกระทรวงได้ดำเนินการสอบสวนโรคและตรวจสอบข้อมูลของผู้ติดเชื้อรายนี้แล้ว
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้โควิด-19 สายพันธุ์แลมบ์ดาเป็นเชื้อไวรัสที่ต้องจับตา (VOI) ด้านกระทรวงระบุว่าไวรัสสายพันธุ์แลมบ์ดาอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการแพร่ระบาด และขณะนี้กำลังเฝ้าติดตามข้อมูลทางคลินิกของเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้
ขณะเดียวกัน กระทรวงได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 14,749 รายเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อเดือนม.ค.ปีก่อน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 270 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 30,340 ราย
ปัจจุบัน ฟิลิปินส์มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 1,741,616 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงเกิน 12,000 ราย ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. เป็นต้นมา ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระหนัก
นอกจากนี้ ยังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มอีก 182 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้อยู่ที่ 807 ราย ซึ่งรวมถึงผู้เสียชีวิต 17 ราย ขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์ยังตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อัลฟาและสายพันธุ์เบตาเพิ่มขึ้นด้วย
รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้พยายามเร่งควบคุมยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเขตเมโทรมะนิลาและหลายพื้นที่เสี่ยงสูงทั่วประเทศ โดยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ได้สั่งล็อกดาวน์เขตเมโทรมะนิลาและบางพื้นที่นาน 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. เพื่อควบคุมการระบาดของสายพันธุ์เดลตา รวมถึงป้องกันสถานการณ์ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฟิลิปปินส์ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ประชาชนกว่า 16 ล้านคนแล้ว จากประชากรทั้งหมด 110 ล้านคน นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคในประเทศ