หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ตัดสินใจแล้วว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ควรได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 หลังจากได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเป็นเวลา 8 เดือน
นิวยอร์ก ไทม์สระบุว่า คณะบริหารของปธน.ไบเดนมีแผนที่จะประกาศการตัดสินใจดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในช่วงกลางเดือนก.ย.นี้
รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากบริษัทไฟเซอร์และบิออนเทคได้ยื่นข้อมูลการทดลองทางคลินิกขั้นต้นต่อคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการยื่นขออนุมัติใช้งานวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่เพียงแต่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น
ไฟเซอร์และบิออนเทคแถลงว่า ในการทดลองเฟสแรกนั้น วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันสามารถสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (neutralizing antibody) เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแอนติบอดีชนิดนี้สามารถต้านทานได้ทั้งไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม รวมทั้งสายพันธุ์เบตาและเดลตา โดยอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลองครั้งนี้ ได้รับวัคซีนโดสที่ 3 เป็นเวลา 8-9 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2
"ข้อมูลที่เราได้รับจนถึงขณะนี้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนโดสที่ 3 ของเราสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับที่สูงกว่าการฉีดวัคซีน 2 โดสแรก เรารู้สึกยินดีที่จะยื่นข้อมูลเหล่านี้ต่อ FDA ของสหรัฐ โดยที่เราจะยังคงทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด" นายอัลเบอร์ บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ทั้งนี้ ไฟเซอร์และบิออนเทคระบุว่า การประเมินผลการทดลองวัคซีนโดสที่ 3 ในขั้นตอนสุดท้ายนั้น คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ และทางบริษัทจะยื่นต่อ FDA ของสหรัฐ และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเป็นลำดับต่อไป