แดเนียล วอลเลซ รองศาสตราจารย์ด้านอาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรมของมหาวิทยาลัยแอริโซนาเปิดเผยว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำสหรัฐสูงถึง 34%
บทความที่ตีพิมพ์ในเดอะ คอนเวอร์เซชันซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของออสเตรเลียที่เผยแพร่ข่าวและบทความของนักวิจัยและนักวิชาการระบุว่า "เรือนจำเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากที่สุดในสหรัฐ โดยบางแห่งมีผู้ติดเชื้อถึง 4,000 คน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 34%"
สาเหตุหลักของจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงนี้เกิดจากเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ซึ่งเป็นผู้แพร่กระจายโรคติดต่อ โดยรศ.วอลเลซระบุว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้คือจุดอ่อน
"สภาวะของเรือนจำในปัจจุบันนั้น ทั้งระบายอากาศไม่ดี มีความแออัดมากเกินไป และไม่มีพื้นที่สำหรับเว้นระยะห่างทางสังคมหรือแยกกักตัว ทำให้การควบคุมโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอย่างโควิด-19 ทำได้ยากมาก" รศ.วอลเลซกล่าวพร้อมเสริมว่า หลายรัฐในสหรัฐยังคงมีนักโทษอย่างน้อยที่สุด 100% ในระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ รศ.วอลเลซยังบ่งชี้ด้วยว่า อัตราการติดเชื้อที่สูงในเรือนจำสหรัฐเกิดจากการขาดแคลนพนักงาน รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเจ้าพนักงานราชทัณฑ์และผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
รศ.วอลเลซกล่าวว่า "ในทุกรัฐ ผู้ต้องขังคือผู้ที่อยู่ในลำดับท้ายๆ ของผู้ที่จะได้รับวัคซีน และแม้จะมีวัคซีน ผู้ต้องขังหลายคนก็กังวลที่จะฉีดวัคซีน เนื่องจากไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่เรือนจำ"