ดร.ปีเตอร์ โฮเตซ ผู้อำนวยการร่วมของศูนย์พัฒนาวัคซีนที่โรงพยาบาลเด็กเท็กซัสได้กล่าวเตือนว่า หากต้องการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ชาวอเมริกันจำนวนมากจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
นายโฮเตซระบุว่า "จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว เราต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ 85% หรืออาจจะ 90% ของประเทศตามที่นายแพทย์แอนโทนี เฟาชีกล่าว" พร้อมย้ำว่า ตัวเลข 85%-90% ไม่ได้หมายถึงแค่การฉีดวัคซีนให้กับประชากรผู้ใหญ่เท่านั้น แต่หมายรวมถึงคนทั้งประเทศ
นายแพทย์เฟาชีซึ่งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ประจำทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า สหรัฐจะสามารถควบคุมโควิดได้ภายในฤดูใบไม้ผลิปี 2565 หากผู้คนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสได้ฉีดวัคซีน โดยยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐขณะนี้ดีดตัวสูงขึ้นเท่ากับในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หรือที่ระดับมากกว่า 1,000 รายต่อวัน
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐยืนยันว่า การฉีดวัคซีนเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22 ส.ค.) มีประชากรราว 51% ของสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายโฮเตซให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า หากดูจากข้อมูลของอิสราเอลนั้น สหรัฐอาจจะต้องปรับแผนใหม่ ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง
"หากคุณอยู่ในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านข้างนอก การติดเชื้อเกิดขึ้นได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นแน่นอนว่า ในงานกีฬาทุกประเภท หรือเทศกาลดนตรี คุณจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย" นายโฮเตซกล่าว