สายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส่งหนังสือเวียนแจ้งพนักงานว่า ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะถูกเรียกเก็บค่าประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น 200 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือราว 6,500 บาทในโครงการประกันสุขภาพของทางบริษัท
หนังสือเวียนดังกล่าว ซึ่งลงนามโดยนายเอ็ด บาสเตียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดลต้า ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย.
นอกจากนี้ พนักงานที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงาน และจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.
นายบาสเตียนระบุว่า การเรียกเก็บค่าประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินของทางบริษัท เนื่องจากการที่พนักงานเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในกรณีที่ติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยรายละ 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1,635,000 บาท
ทางด้านสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ออกจดหมายเวียนไปยังพนักงานในสหรัฐทั้งหมดจำนวน 67,000 คนในต้นเดือนนี้ โดยระบุว่า พนักงานจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่เกินวันที่ 25 ต.ค. มิฉะนั้นจะถูกให้ออกจากงาน
ทั้งนี้ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์นับเป็นสายการบินแห่งแรกในสหรัฐที่มีการออกคำสั่งดังกล่าวต่อพนักงาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สายการบินต่างๆมักใช้วิธีเสนอสิ่งจูงใจเพื่อให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีน เช่น การให้เงินพิเศษ หรือการให้วันหยุดพิเศษ
"เรารู้ว่าบางคนอาจไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของบริษัทในครั้งนี้ที่บังคับให้พนักงานทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่เรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณเพื่อให้คุณมีความปลอดภัยในการทำงาน และความจริงก็คือ ทุกคนจะมีความปลอดภัยมากขึ้น หากทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน" นายสก็อตต์ เคอร์บี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายเบรทท์ ฮาร์ท ประธานกรรมการของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ระบุในจดหมายเวียนถึงพนักงาน
"ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา คุณสก็อตต์ต้องออกจดหมายแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของพนักงานยูไนเต็ด แอร์ไลน์ที่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เราจึงตั้งใจที่จะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการออกจดหมายในลักษณะดังกล่าวต่อครอบครัวของพนักงานยูไนเต็ด แอร์ไลน์อีก" ข้อความในจดหมายเวียนระบุ