องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ยุโรปเร่งการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่ประชาชนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
"มี 3 ปัจจัยที่ทำให้การระบาดเพิ่มขึ้น ได้แก่ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้มีการระบาดใน 50 ประเทศในยุโรป ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ หลายประเทศได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และปัจจัยที่ 3 คือ การที่หลายประเทศอยู่ในฤดูการเดินทางท่องเที่ยว" นายฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปของ WHO กล่าว
นอกจากนี้ นายคลูจยังเตือนว่า ยุโรปจะมีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากไวรัสโควิด-19 จำนวน 236,000 รายภายในวันที่ 1 ธ.ค.
"เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยุโรปมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจำนวน 11% และจากตัวเลขประมาณการที่เชื่อถือได้บ่งชี้ว่า ยุโรปจะมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 236,000 รายภายในวันที่ 1 ธ.ค." นายคลูจกล่าว
ขณะนี้ ยุโรปมีผู้เสียชีวิตสะสมจากการติดเชื้อโควิด-19 จำนวนราว 1.3 ล้านราย
ทั้งนี้ ไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกมากกว่า 4,500,000 คนแล้ว นับตั้งแต่ที่ WHO ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่า มีการพบผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงจำนวนมากในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ในช่วงต้นเดือนธ.ค.2562
ข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 217,391,620 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 4,518,434 ราย
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อ 39,665,515 ราย และเสียชีวิต 654,689 ราย ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ล่าสุด ศรีลังกาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 60,000 รายในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเกิดจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ "ซูเปอร์ เดลตา"
ข้อมูลระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จากทั่วโลกทุกวันราว 10,000 ราย ซึ่งสูงกว่าจำนวน 7,800 รายที่มีการรายงานในเดือนก.ค. แต่ก็ต่ำกว่าระดับ 14,800 รายของเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ไวรัสโควิด-19 ได้คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกในปีนี้มากกว่าในปีที่แล้ว โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2.6 ล้านคนในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. เทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ถึง 1.9 ล้านคนตลอดทั้งปี 2563