นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการที่รัฐบาลสหรัฐแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 หรือวัคซีนบูสเตอร์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า เขาจะไม่แปลกใจเลยหากมีการปรับเปลี่ยนคำแนะนำในการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และของโมเดอร์นา ให้การฉีดวัคซีน 3 โดสจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ แทนที่จะเป็น 2 โดส โดยเขาระบุว่า การฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้กับประชาชนหลังจากได้รับวัคซีน 2 โดสแรกมาแล้วเป็นเวลาหลายเดือน จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันพัฒนาขึ้นได้
ทั้งนี้ การตัดสินใจเรื่องมาตรฐานการฉีดวัคซีนนั้นเป็นอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) และหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล แต่นายแพทย์เฟาชีก็กล่าวเสริมว่า การอนุมานว่าการฉีดวัคซีน 3 โดสจะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
นายแพทย์เฟาชีนำเสนอข้อมูลวิจัยจากอิสราเอลที่ระบุว่า ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเริ่มอ่อนแอลงหลังผ่านไป 8 เดือน ซึ่งเป็นเหตุผลสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ
นอกจากนี้ นายแพทย์เฟาชียังกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 นั้นอยู่ในระดับสูงและคงอยู่ได้นาน โดยงานวิจัยจากอิสราเอลฉบับหนึ่งเผยว่า ในเวลา 3 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 3 ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 ลดลงมากถึง 84% เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีน 2 โดส