นายโมฮาเหม็ด อัซมิน อาลี รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซีย เปิดเผยว่า มาเลเซียวางแผนปรับเปลี่ยนแนวทางการรับมือโควิด-19 ให้เป็นไปในลักษณะเดียวกับการรับมือโรคประจำถิ่นภายในช่วงสิ้นเดือนต.ค.นี้
ทั้งนี้ โควิด-19 จะจัดเป็นโรคประจำถิ่นก็ต่อเมื่อเป็นโรคที่พบได้ในชุมชนทุกช่วงเวลา และยังคงแพร่ระบาดในประชากรอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโรคประจำถิ่นอื่นๆ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และโรคมาลาเรีย
นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลมาเลเซียจะปรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบางส่วนให้เรียบง่ายขึ้นตลอดช่วงหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ เพื่อเตรียมปรับการทำงานเป็นแบบรับมือโรคประจำถิ่น อย่างไรก็ดี นายจามาลุดดินระบุว่า จะยังคงมีกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัยเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสต่อไป
ที่ผ่านมา มาเลเซียประสบปัญหากับการควบคุมยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยรัฐบาลมาเลเซียจำเป็นต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์หลายครั้ง ส่งผลให้เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของมาเลเซียปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศปี 2564 สู่ระดับ 3-4% จากเดิม 6-7.5%
อย่างไรก็ดี นายอัซมินกล่าวว่า เศรษฐกิจมาเลเซียยังสามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ดี โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายนอก รวมถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
"ราคาและความสามารถในการเข้าถึงวัคซีน ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรับประกันว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง" นายอัซมินกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
นายอัซมินคาดว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่ของมาเลเซียกว่า 75% จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสภายในเดือนต.ค. โดยในขณะนี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่ 88% หรือราว 63% ของประชากรทั้งหมด ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส