นายเดวิด ฮุย ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong ซึ่งเป็นผู้นำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลระบุว่า ฮ่องกงจะไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ "ความอดทนต่อโควิด-19 เป็นศูนย์" (zero tolerance) ไปสู่ "การอยู่ร่วมกับไวรัส" จนกว่าอัตราการฉีดวัคซีนจะอยู่ที่ระดับ 80-90%
นายฮุยกล่าวว่า "นโยบายความอดทนต่อโควิดเป็นศูนย์ไม่ใช่นโยบายระยะยาว โดยเราจะเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดภายใต้นโยบายนี้ ... เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนถึงระดับ 80-90% เราอาจพิจารณาใช้มาตรการอยู่ร่วมกับไวรัสแทนที่จะรักษาเป้าหมายโควิดเป็นศูนย์" พร้อมระบุว่า ฮ่องกงจะยึดแนวทางจากจีนเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันฮ่องกงมีอัตราการฉีดวัคซีนโดสแรกอยู่ที่เพียง 58% ซึ่งล่าช้ากว่าประเทศศูนย์กลางทางการเงินคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงถึง 82%
ในขณะเดียวกัน จีนมีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสแตะระดับ 70% ของประชากรทั้งหมดแล้ว แต่จีนยังคงยืนยันที่จะใช้นโยบายความอดทนต่อโควิดเป็นศูนย์ และไม่มีแผนการที่จะเปิดประเทศในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งในปัจจุบัน ฮ่องกงให้ความสำคัญกับการเปิดพรมแดนกับจีนมาเป็นอันดับต้นๆ ฉะนั้น ฮ่องกงจึงจำเป็นต้องยึดนโยบายของจีนเป็นหลัก แม้อัตราการฉีดวัคซีนจะกระเตื้องขึ้นก็ตาม
นายฮุยกล่าวว่า ฮ่องกงอยู่ในภาวะที่ยุ่งยากในขณะนี้ เนื่องจากหอการค้าของประเทศต่างๆ ได้ส่งแรงกดดันต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายการกักตัว ในขณะที่จีนยังคงตั้งเป้าลดการติดเชื้อเป็นศูนย์ ซึ่งหากฮ่องกงไม่ปฏิบัติตามนโยบายของจีน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดพรมแดนระหว่างกัน