ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น (20 ก.ย.) โดยระบุว่า นับตั้งแต่เดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป สหรัฐจะอนุญาตให้ผู้โดยสารที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วจาก 33 ประเทศซึ่งรวมถึงจีน อินเดีย บราซิล และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป เดินทางเข้าสหรัฐได้ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐถือเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดซึ่งสหรัฐได้บังคับใช้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการผ่อนคลายข้อกำหนดการเดินทางแทนการสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากทั้ง 33 ประเทศดังกล่าว โดยล่าสุดสหรัฐกำหนดว่า ผู้ที่เดินทางมาจาก 33 ประเทศนี้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสจึงจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป
ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ ชาวต่างชาติที่เดินทางด้วยเครื่องบินมายังสหรัฐจะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส นอกเหนือไปจากการแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในระยะเวลา 3 วันก่อนออกเดินทาง โดยผู้โดยสารที่แสดงหลักฐานเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงสหรัฐ
นายเจฟฟ์ เซนท์ส เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานด้านการรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาวแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า "การเดินทางระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสามารถเชื่อมโยงกัน อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่, ส่งเสริมการเปิดกว้างด้านการแลกเปลี่ยนทั้งในด้านแนวคิดและวัฒนธรรม"
"เราต่างก็ทราบดีว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันไวรัสโควิด-109 ซึ่งรวมถึงไวรัสสายพันธุ์เดลตา" นายเซนท์สกล่าว
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.04% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.71% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.67% และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ บวก 1.02%