นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐเตรียมพิจารณาให้ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ซึ่งเป็นวัคซีนแบบโดสเดียวนั้น ได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค หรือโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มกระตุ้น เพราะเชื่อว่าการฉีดวัคซีนแบบไขว้สร้างภูมิได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันเป็นเข็มกระตุ้น
นายแพทย์แอนโทนี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า "หากคุณฉีดวัคซีนโมเดอร์นาหรือไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นให้ผู้ที่เคยฉีด J&J เป็นเข็มแรกแล้ว ระดับแอนติบอดีจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าฉีด J&J เป็นเข็มกระตุ้น"
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการฉีดวัคซีน J&J เป็นเข็มกระตุ้นให้ผู้ที่เคยฉีด J&J เป็นเข็มแรกนั้นยังคงเป็นข้อมูลจากการวิจัยทางคลินิก โดยทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐจะพิจารณาข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนของบริษัทใดเป็นเข็มกระตุ้นให้ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนของ J&J
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาของ FDA ได้ลงมติเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) เพื่อแนะนำให้ FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสที่ 2 ของ J&J เป็นเข็มบูสเตอร์
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีววิทยาที่เกี่ยวข้อง (Vaccines and Related Biological Products Advisory Committee) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์แนะนำให้ FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนโควิดโดสที่สองของ J&J เป็นเข็มกระตุ้นอย่างเร็วที่สุด 2 เดือนหลังจากที่ฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ส่วนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คณะกรรมการดังกล่าวได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิดเข็มบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้กับประชาชนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์
ตามปกติแล้ว FDA จะปฎิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการที่ปรึกษา และ FDA อาจจะใช้เวลาไม่กี่วันในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการอนุมัติใช้วัคซีน