นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจพุ่งแตะ 100,000 รายต่อวันในช่วงฤดูหนาวนี้
นายจาวิดเรียกร้องให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังขณะอยู่นอกบ้าน โดยให้สวมหน้ากากอนามัย และหมั่นทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ดี นายจาวิดยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่กลับมาใช้มาตรการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือมีคำสั่งให้บริษัทต่างๆให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
นายจาวิดกล่าวว่า รัฐบาลได้ทำข้อตกลงซื้อยาต้านโควิด-19 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งต่างก็เป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ โดยหวังว่าจะสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ภายในปลายปีนี้ หากได้รับการอนุม้ติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"เราจะมีอาวุธในคลังของเราจากการซื้อยาต้านโควิด-19 ของทั้งสองบริษัท" นายจาวิดกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษได้ทำข้อตกลงซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 480,000 คอร์สจากบริษัทเมอร์ค และซื้อยา PF-07321332 จำนวน 250,000 คอร์สจากบริษัทไฟเซอร์ โดยผู้ป่วยจะต้องรับยา PF-07321332 พร้อมกับยา ritonavir ซึ่งเป็นยารักษาผู้ติดเชื้อ HIV
เมอร์คได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว ส่วนไฟเซอร์ยังคงทำการทดลองยา PF-07321332 ในระยะที่ 3
อย่างไรก็ดี รัฐบาลอังกฤษไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคายาโมลนูพิราเวียร์ และยา PF-07321332 ที่มีการสั่งซื้อแต่อย่างใด ขณะที่รัฐบาลสหรัฐได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จากเมอร์คในราคาคอร์สละ 700 ดอลลาร์
ทั้งนี้ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันพุ่งเกือบ 50,000 ราย แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมื่อ 3 เดือนก่อน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศมากกว่า 8.5 ล้านราย สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐ อินเดีย บราซิล ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ใกล้แตะระดับ 140,000 ราย