คณะผู้เชี่ยวชาญได้ลงมติอย่างท่วมท้นเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) เพื่อแนะนำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และไบออนเทค เอสอี ให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี โดยชี้ว่าการฉีดวัคซีนในเด็กมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง
มติอนุมัติดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในด้านการกำกับดูแลที่จะช่วยให้เด็กจำนวน 28 ล้านคนซึ่งส่วนใหญ่กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกครั้ง ได้รับวัคซีน
ทั้งนี้ FDA มักจะดำเนินการตามคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญนอกหน่วยงาน แม้จะไม่มีข้อผูกมัดให้ต้องทำก็ตาม
หาก FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน โดยผู้อำนวยการของ CDC จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด
ทางบริษัทฯ เปิดเผยว่าวัคซีนของตนมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 90.7% ในการทดลองทางคลินิกกับเด็กอายุ 5-11 ปี และอาจมีวัคซีนพร้อมสำหรับฉีดให้กับเด็กอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
แม้ว่าจำนวนเด็กที่ป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จะมีน้อยเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ แต่เด็กบางรายก็เกิดภาวะแทรกซ้อน และมีการแพร่ระบาดในเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตานั้นแพร่ระบาดได้ง่าย
ดร.อแมนดา โคห์น ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดวัคซีนในเด็กแห่ง CDC และสมาชิกผู้มีสิทธิ์ออกเสียงของคณะผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า "สำหรับดิฉันแล้ว เป็นประเด็นค่อนข้างชัดเจนว่าเราไม่ต้องการให้เด็กเสียชีวิตจากโควิด แม้จะเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่อย่างมากก็ตาม และเราไม่ต้องการเห็นเด็กเข้า ICU ด้วยเช่นกัน"