สหรัฐเตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติจากกว่า 30 ประเทศเดินทางเข้าประเทศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (8 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยกำหนดให้ผู้เดินทางต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนและผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบ รวมถึงมาตรการอื่น ๆ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะส่งผลให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐได้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดเมื่อเดือนมี.ค.2563
สำหรับการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าสหรัฐนั้น มีรายละเอียดดังนี้
- การแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
สำหรับมาตรการใหม่ ผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ไม่ใช่พลเรือนสหรัฐจะต้องแสดงหลักฐานว่า ฉีดวัคซีนครบโดสก่อนเดินทางมายังสหรัฐมาล่วงหน้าอย่างน้อยสองสัปดาห์ โดยสามาถแสดงเอกสารได้ทั้งใบรับรองแบบกระดาษ, รูปถ่ายเอกสาร หรือใบรับรองดิจิทัล เพื่อให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบ
ทั้งนี้ ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในสรัฐนั้นจะต้องฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองหรืออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) รวมถึงวัคซีนที่อยู่ในรายชื่อขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งประกอบด้วยวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ไฟเซอร์/ไบออนเทค, โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้า, โควิชีลด์, ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม
- มาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19
สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐซึ่งฉีดวัคซีนแล้วจะต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบไม่เกิน 3 วันก่อนออกเดินทาง โดยสหรัฐได้บังคับใช้มาตรการนี้มาตั้งแต่เดือนม.ค. ทั้งผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพลเรือนของสหรัฐเอง
ในกรณีผู้เดินทางที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน รวมถึงพลเรือนของสหรัฐด้วยนั้น จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อภายในหนึ่งวันหลังจากที่เดินทางมาถึง โดยสามารถตรวจหาเชื้อได้ทั้งวิธี Rapid Antigen และการตรวจ PCR
- เยาวชนและข้อยกเว้นเรื่องการฉีดวัคซีน
รัฐบาลสหรัฐได้ระบุถึงข้อยกเว้นเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการใหม่ สำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศซึ่งอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากบางประเทศยังไม่อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับเด็ก ๆ หรือมีวัคซีนไม่เพียงพอ
สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่อายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปซึ่งมากับผู้ใหญ่นั้นต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาโควิดเป็นลบภายในสามวันก่อนออกเดินทาง ส่วนในกรณีที่เดินทางโดยลำพัง จะต้องแสดงหลักฐานดังกล่าวภายในหนึ้งวันก่อนออกเดินทาง
นอกจากนี้ สหรัฐยังกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องแจ้งข้อมูลสำหรับติดต่อ เช่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่แก่สายการบิน เพื่อเตรียมไว้ในกรณีที่พบการระบาดหลังเดินทางมาถึงสหรัฐ
ทางด้านสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์คาดการณ์ว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าในวันจันทร์นี้ (8 พ.ย.) น่าจะเพิ่มขึ้น 50% จากเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 20,000 คน ส่วนสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ คาดว่าเที่ยวบินต่างประเทศหลายเที่ยวในวันจันทร์จะมียอดจองเต็ม และดีมานด์จะกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ เว็บไซต์ของบริษัท Hopper ซึ่งให้บริการจองตั๋วเครื่องบิน ยังระบุว่า ยอดการค้นหาเที่ยวบินจากต่างประเทศไปยังสหรัฐนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว หลังจากที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐ