นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี พร้อมด้วยมุขมนตรีของรัฐทั้ง 16 แห่ง ออกคำสั่งให้ใช้มาตรการจำกัดด้านต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่เยอรมนีมียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อกว่า 65,000 ราย ซึ่งสูงเป็นสถิติใหม่ ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ได้ประกาศเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่รายงานถึง 2-3 เท่า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการแถลงข่าวของนางแมร์เคิล ซึ่งระบุว่า "มาตรการหลายข้อที่ประกาศใช้ในครั้งนี้จะไม่จำเป็นเลย หากมีประชาชนจำนวนมากขึ้นเข้ารับการฉีดวัคซีน"
ตัวอย่างหนึ่งของมาตรการเหล่านี้คือ การจำกัดการใช้ชีวิตในสถานที่สาธารณะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก
สำนักข่าว Deutsche Welle ของเยอรมนีรายงานว่า หากในพื้นที่นั้น ๆ มีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากเชื้อโควิด-19 มากกว่า 3 คนต่อประชากร 100,000 คน ก็จะมีการใช้กฎระเบียบ 2G ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วหรือหายป่วยจากโรคโควิด-19
ในขณะนี้มีเพียงเมืองฮัมบูร์ก, รัฐโลเวอร์แซกโซนี, รัฐชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ และรัฐซาร์แลนด์เท่านั้นที่อยู่ภายใต้กฎดังกล่าว
นอกจากนี้ นางแมร์เคิลยังเปิดเผยด้วยว่า เยอรมนีกำลังพิจารณาออกคำสั่งบังคับให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะกลับมาเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับการทดสอบหาเชื้อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นางแมร์เคิลได้ออกมายอมรับว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเยอรมนีนั้นอยู่ในขั้น "รุนแรง" และระบุว่า "การระบาดระลอกที่ 4 กำลังโจมตีประเทศของเราแบบเต็มกำลัง โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่าที่เคยเป็นมา และยอดผู้เสียชีวิตรายวันก็น่าตกใจไม่แพ้กัน" โดยเธอเน้นย้ำว่า ขณะนี้ ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ยังสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้