บรรดาบริษัทผลิตวัคซีนโควิด-19 รายใหญ่ของโลกเปิดเผยในวันศุกร์ (26 พ.ย.) ว่า พวกเขากำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบและปรับวัคซีนที่มีอยู่ให้สามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อ โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตก ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ
ไฟเซอร์และไบออนเทคระบุว่า พวกเขากำลังตรวจสอบไวรัสโอไมครอน หรือ B.1.1.529 และสามารถที่จะปรับวัคซีนที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว หากจำเป็น
"เราเข้าใจความวิตกของผู้เชี่ยวชาญ และได้เริ่มทำการตรวจสอบไวรัสสายพันธุ์ B.1.1.529 ในทันที" ไฟเซอร์-ไบออนเทคระบุ
ไฟเซอร์และไบออนเทคคาดว่า จะมีข้อมูลเพิ่มเติมจากการทดสอบในห้องทดลองในอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างช้า
"ข้อมูลเหล่านี้จะบ่งชี้ว่า B.1.1.529 อาจเป็นไวรัสที่หลบภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งอาจต้องปรับวัคซีนของเรา หากไวรัสนี้แพร่ระบาดทั่วโลก"
ไฟเซอร์และไบออนเทคยังเปิดเผยด้วยว่า บริษัทสามารถปรับวัคซีน mRNA ภายใน 6 สัปดาห์ และจะเริ่มส่งออกวัคซีนได้ภายใน 100 วัน หากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ถูกระบุว่าสามารถหลบภูมิคุ้มกัน
ด้านบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนกับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว
"เรากำลังจับตาอย่างใกล้ชิดกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และได้เริ่มทำการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนของเรากับไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้" J&J ระบุ
ด้านแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบไวรัสโอไมครอน โดยแพลตฟอร์มวัคซีนของบริษัทที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดจะสามารถรับมือได้อย่างรวดเร็วกับไวรัสกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่
"แอสตร้าเซนเนก้ากำลังทำการวิจัยในสถานที่ต่าง ๆ ที่ตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว อาทิ ในบอตสวานา และในเอสวาตินี"
ส่วนบริษัทโมเดอร์นาระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า การกลายพันธุ์ที่รวมตัวกันในไวรัสดังกล่าวแสดงถึงความเสี่ยงสำคัญที่จะเร่งให้ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและจากวัคซีนนั้นลดต่ำลง
โมเดอร์นาเปิดเผยว่า จะทำการทดสอบวัคซีนบูสเตอร์ 3 ตัวของบริษัทกับไวรัสโอไมครอน รวมถึงการเพิ่มระดับโดส และบริษัทจะทำการพัฒนาวัคซีนบูสเตอร์เฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนด้วย