นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เผยว่า สหภาพยุโรป (EU) จำเป็นต้องใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน และเตรียมพร้อมรับมือไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ พร้อมกับเร่งระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวในช่วงแถลงข่าวระหว่างเยือนประเทศลัตเวียว่า "เรารู้ดีว่า เราต้องแข่งกับเวลา... ขณะที่นักวิทยาศาสตร์และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อประเมินภาพรวมเกี่ยวกับระดับการกลายพันธุ์ของไวรัสโอไมครอน"
นอกจากนี้ นางฟอน เดอร์ เลเยนยังระบุว่า เราต้องทุ่มเวลาเพื่อดำเนินการป้องกัน โดยเฉพาะการเร่งเพิ่มอัตราฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ว่า ประชาชนในยุโรปควรได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม
นางฟอน เดอร์ เลเยนยังได้ทบทวนว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคฉบับที่ 3 จำนวน 1.8 พันล้านโดสไปเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยในสัญญาดังกล่าวนั้นมีการระบุข้อความด้วยว่า บริษัทจะต้องดำเนินการปรับสูตรวัคซีนภายใน 100 วัน หากไวรัสเกิดการกลายพันธุ์และพิสูจน์แล้วว่า สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ และขณะนี้ตรวจพบในยุโรปบางประเทศ เช่น เบลเยียม, เดนมาร์ก, เยอรมนี, อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ รวมถึงออสเตรเลีย, บอตสวานา, อังกฤษ, ฮ่องกง และอิสราเอล