รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามชาวต่างชาติจากทุกประเทศทั่วโลกเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 30 พ.ย.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นจะนำมาตรการควบคุมพรมแดนกลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากเพิ่งผ่อนปรนต่อนักธุรกิจ, นักเรียนนักศึกษา และแรงงานต่างชาติไปเมื่อไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ใช้มาตรการเข้มงวดสำหรับผู้ที่มีประวัติเพิ่งเดินทางมาจาก 9 ประเทศทวีปแอฟริกา ได้แก่ บอตสวานา, เอสวาตีนี, เลโซโท, มาลาวี, โมซัมบิก, นามิเบีย, แอฟริกาใต้, แซมเบีย และซิมบับเว โดยกำหนดให้ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วันเมื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่นในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนดไว้
การดำเนินการดังกล่าวของญี่ปุ่นสอดคล้องกับนานาประเทศที่พากันใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน โดยรัฐบาลแคนาดาประกาศห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางไปยัง 7 ประเทศในทวีปแอฟริกาเดินทางเข้าแคนาดา ซึ่งได้แก่ นามิเบีย เลโซโท ซิมบับเว บอตสวานา เอสวาตีนี โมซัมบิก และแอฟริกาใต้
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบในแอฟริกาใต้นั้น เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตก และอาจแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ โดยโอไมครอนเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่ 5 ที่ WHO ประกาศให้เป็น สายพันธุ์ที่น่าวิตก