องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) ว่า 23 ประเทศทั่วโลกได้รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ในระดับสูง
ทั้งนี้ นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ณ กรุงเจนีวาว่า "ขณะนี้มีอย่างน้อย 23 ประเทศใน 5 จาก 6 ภูมิภาคที่เป็นสมาชิกของ WHO รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอน และเราคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น"
"WHO ให้ความสำคัญกับสถานการณ์นี้อย่างจริงจัง และทุกประเทศทั่วโลกควรจะดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่เราก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะนี่คือพฤติการณ์ปกติของไวรัสอยู่แล้ว และยังจะดำเนินเช่นนี้ต่อไปตราบใดที่เรายังปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายไปอย่างไม่หยุดยั้ง"
นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสกล่าวด้วยว่า ยังคงมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวอีกมากทั้งในด้านผลกระทบของไวรัสที่มีต่อการแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและประสิทธิภาพของการทดสอบ การรักษาและวัคซีน
"หากประเทศและประชาชนไม่กระทำในสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องกระทำเพื่อสกัดการแพร่เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา พวกเขาก็มิอาจหยุดยั้งไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้เช่นเดียวกัน" และเรียกร้องให้นานาประเทศเพิ่มความพยายามในการฉีดวัคซีนและบังคับใช้มาตรการป้องกันอื่น ๆ เพื่อรับมือกับโรคระบาด
ในวันเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวซึ่งฉีดวีคซีนครบโดสแล้ว เดินทางจากแอฟริกาใต้ถึงเมืองซานฟรานซิสโกในวันจันทร์ที่ 22 พ.ย. และแสดงผลตรวจเชื่อเป็นบวกเมื่อวันจันทร์ที่ 29 พ.ย.