สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการให้นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นบนเครื่องบิน รถไฟ หรือรถประจำทาง จนถึงวันที่ 18 มี.ค. 2565 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้
แหล่งข่าวคาดว่า รัฐบาลสหรัฐจะประกาศมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เนื่องจากปธน.โจ ไบเดน มีแผนที่จะเข้าหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการรับมือโควิด-19 ช่วงฤดูหนาวในวันนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมาตรการสวมหน้ากากอนามัยเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่รัฐบาลจะงัดมาใช้สกัดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ปัจจุบัน CDC ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน เรือ รถไฟ รถไฟใต้ดิน รถประจำทาง แท็กซี่ และบริการแชร์รถยนต์ รวมถึงในพื้นที่สถานีที่ให้บริการขนส่งแต่ละชนิด อย่างไรก็ตาม มีการตรวจพบว่านักเดินทางบางคนไม่ยอมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะในสายการบินของสหรัฐ
องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ทางองค์กรได้รับรายงานจากสายการบินว่ามีผู้โดยสาร 3,923 คนปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากอนามัย โดยทางองค์กรมีแผนที่จะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดกับผู้โดยสารดื้อดึงที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎการควบคุมโรค
อนึ่ง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ อีกทั้งยังได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์