นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) ควรเริ่มหารือถึงความจำเป็นสำหรับการบังคับฉีดวัคซีนเพื่อต่อสู้กับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากประชากร 1 ใน 3 ของ EU ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
นางฟอน เดอร์ เลเยนยอมรับว่า การตัดสินใจดังกล่าวนั้นเป็นความสามารถของประเทศสมาชิกอย่างแท้จริง พร้อมกับกล่าวว่า พลเมืองราว 150 คนใน EU ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
นางฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า "ดิฉันคิดว่าเป็นการเหมาะสมและเข้าใจได้ที่จะมานำการอภิปรายนี้ ทั้งแนวทางการส่งเสริมและการพิจารณาเกี่ยวกับการบังคับฉีดวัคซีนใน EU"
เธอกล่าวว่า "เรามีวัคซีนที่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่กลับไม่ได้ใช้อย่างเพียงพอในทุกพื้นที่"
สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของประธาน EC ว่า EU จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคสำหรับเด็กอายุระหว่าง 5 ? 11 ปีในอีก 2 สัปดาห์
ขณะเดียวกันนางฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า มีความเสี่ยงสูงที่สายพันธุ์ดังกล่าวจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
นางฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า "เรายังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับไวรัสนี้ แต่รู้มากพอว่าเป็นไวรัสที่น่ากังวล" พร้อมระบุเสริมว่า "เราเรียนรู้จากประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาว่าเราต้องแข่งกับเวลา และจนกว่าเราจะรู้มากกว่านี้ในอีก 2-3 สัปดาห์ เราจำเป็นต้องเริ่มดำเนินการ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจของเราทำงานกันตลอดทั้งวัน ส่วนสิ่งที่วิทยาศาสตร์บอกเราอยู่แล้วก็คือ การฉีดวัคซีนครบโดส และการฉีดเข็มกระตุ้นจะสามารถป้องกันไวรัสได้"