ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐแนะนำชาวอเมริกันไม่ให้เดินทางไปยังฝรั่งเศส, จอร์แดน, โปรตุเกส และแทนซาเนีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับโรคโควิด-19
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ว่า ปัจจุบัน CDC ได้กำหนดให้จุดหมายปลายทาง 83 แห่งอยู่ในคำแนะนำการเดินทาง "ระดับ 4: สูงมาก" และเมื่อวานนี้ได้เพิ่มอันดอร์รา, ไซปรัส และลิกเตนสไตน์สู่ระดับการเตือนเดินทางขั้นสูงสุด
ฝรั่งเศสเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่าจะปิดไนต์คลับก่อนช่วงคริสต์มาสและคุมเข้มมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ระบุย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์หรือสั่งเคอร์ฟิวรอบใหม่ โดยนายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิดระลอกที่ 5 กำลังพุ่งสูงขึ้น แต่เนื่องจากมีประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้ว 52 ล้านคนในขณะนี้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 90% ของผู้มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน จึงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าการระบาดครั้งก่อน ๆ
ทั้งนี้ สหรัฐออกกฎใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวานนี้ โดยกำหนดให้ผู้เดินทางโดยเครื่องบินจากต่างประเทศมายังสหรัฐ จะต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 โดยมีผลเป็นลบภายใน 1 วันหลังจากวันออกเดินทาง ซึ่งตามกฎก่อนหน้านี้ ผู้เดินทางโดยเครื่องบินจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแสดงผลการตรวจเป็นลบที่ได้รับภายใน 3 วันหลังจากวันออกเดินทาง
นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวานนี้ว่า มาตรการจำกัดการเดินทางจากแอฟริกานั้น "มีการประเมินและหารือกันเป็นรายวัน"