นายสก็อตต์ เคอร์บี ซีอีโอของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการบังคับให้พนักงานต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน
"เราทำเช่นนี้เพื่อความปลอดภัย และเราเชื่อว่านโยบายนี้ช่วยชีวิตคนได้" นายเคอร์บีกล่าวชี้แจงต่อวุฒิสภาสหรัฐ "เราจะไม่ผ่อนผันกฎด้านความปลอดภัย"
เท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันวิจารณ์นโยบายดังกล่าวของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่สร้างความไม่สบายใจ และเป็นการละเมิดสิทธิของพนักงาน
นายครูซระบุว่า ทั้งสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์และเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ต่างก็ได้ประกาศว่า จะไม่ไล่พนักงานออกด้วยประเด็นการฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ศาลอุทธรณ์สหรัฐปฏิเสธที่จะออกคำสั่งห้ามยูไนเต็ด แอร์ไลน์บังคับใช้นโยบายการฉีดวัคซีนดังกล่าว หลังพนักงานของบริษัทเข้ายื่นคำร้องต่อศาล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูไนเต็ด แอร์ไลน์เป็นสายการบินรายใหญ่รายแรกที่บังคับให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งได้ส่งผลให้อีกหลายบริษัทประกาศใช้นโยบายในลักษณะเดียวกัน
นายเคอร์บีระบุว่า จากพนักงานของยูไนเต็ด แอร์ไลน์ทั้งหมด 67,000 คน มีราว 200 คนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวจนเป็นเหตุให้ถูกเลิกจ้าง ขณะที่ในบรรดานักบินราว 13,000 ราย มี 6 รายถูกเลิกจ้าง และ 80 รายที่ต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ทั้งนี้ มีพนักงานยูไนเต็ด แอร์ไลน์ราว 2,000 คนที่ได้รับการยกเว้นจากการฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนาหรือการแพทย์ โดยนายเคอร์บีเปิดเผยว่า ราว 80% ของพนักงานที่ขอยกเว้นไม่ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลทางศาสนานั้น ได้รับการอนุมัติตามคำขอ