สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติการใช้ยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินแล้วในวันพุธ (22 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ โดยยาดังกล่าวได้รับการอนุมัติให้รักษาผู้ป่วยอาการหนักที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ยารับประทานและยาที่ผู้ป่วยสามารถใช้เองได้ที่บ้านนั้น ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 และคาดว่ายาดังกล่าวอาจเป็นเครื่องมือใหม่ที่ใช้ในการต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
การอนุมัติยาแพกซ์โลวิดมีขึ้นในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วน 73% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาลดลงเหลือเพียง 27% ไฟเซอร์ระบุว่า ยาแพกซ์โลวิดสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้เกือบ 90% รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
สำหรับข้อบ่งใช้นั้น ผู้ที่รับประทานยาของไฟเซอร์จะต้องรับประทานทั้งยาแพกซ์โลวิด พร้อมกับยาริโทนาเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส HIV โดยยา 1 คอร์สของไฟเซอร์ประกอบด้วยยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาแพกซ์โลวิดขนาด 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
ข่าวการอนุมัติยาแพกซ์โลวิดเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นไฟเซอร์ปิดตลาดพุ่งขึ้น 1% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ และถือเป็นการปลดล็อกการใช้ยาดังกล่าวทั่วโลก เนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศกำลังรอการรับรองจาก FDA ก่อนที่จะอนุมัติการใช้ยาแพกซ์โลวิด