สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข้อมูลล่าสุดซึ่งระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิคอนกำลังกลายเป็นความเสี่ยงใหม่สำหรับสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยที่ผ่านมานั้น สตรีมีครรภ์เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้เข้าร่วมการทดลองประสิทธิภาพของวัคซีน อีกทั้งเผชิญกับข่าวสารที่สับสนและการให้ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในครรภ์ จึงทำให้สตรีมีครรภ์จำนวนมากหลีกเลี่ยงที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
รายงานระบุว่า ประมาณ 75% ของสตรีมีครรภ์ในสหราชอาณาจักร และ 65% ในสหรัฐยังคงไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งทำให้สตรีมีครรภ์กลายเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะติดเชื้อและเป็นโรคร้ายแรงในช่วงเวลาที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลที่มีการเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า สตรีมีครรภ์อย่างน้อย 17 รายและเด็กทารก 4 รายในอังกฤษเสียชีวิตในช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค.ปีนี้ ขณะเดียวกันพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น 98% ของสตรีมีครรภ์ที่เข้ารักษาตัวในห้องไอซียูไม่ได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้ หนึ่งในห้าของผู้ป่วยโควิด-19 ในอังกฤษที่ได้รับการรักษาด้วยเครื่อง Lung-bypass Machine นั้น เป็นสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
คริส วิตที ประธานที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของรัฐบาลอังกฤษได้เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า "อัตราการฉีดวัคซีนในกลุ่มสตรีมีครรภ์อยู่ในระดับต่ำจนน่ากังวล และมีสตรีจำนวนมากที่ล้มป่วยอันเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าว สตรีมีครรภ์ถือเป็นกลุ่มคนที่เปราะบาง และอันที่จริงแล้วเราควรจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อนหน้านี้"