สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค เป็นยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้วในวันนี้ ซึ่งนับเป็นยาตัวที่สองที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดในสหรัฐ หลังจากที่ FDA เพิ่งอนุมัติยาแพกซ์โลวิด (paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ไปเมื่อวันก่อน
รายงานระบุว่า ในการทดลองทางคลินิกพบว่า ยาโมลนูพิราเวียร์ของเมอร์คลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตลงประมาณ 30% เมื่อทดลองให้ยาแก่ผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีความเสี่ยงสูงว่าจะป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต
ทั้งนี้ FDA อนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ให้เป็นยารับประทานสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ในผู้ใหญ่ที่มีอาการไม่รุนแรงถึงปานกลาง และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาโควิดแบบอื่นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม FDA ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางหน่วยงานไม่อนุญาตให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยาอาจส่งผลต่อการเติบโตของกระดูกและกระดูกอ่อน
การอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์คมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันพุธ FDA เพิ่งอนุมัติการใช้ยาแพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
โดยไฟเซอร์ระบุว่า ยาแพกซ์โลวิดสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้เกือบ 90% รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
การอนุมัติยาแพกซ์โลวิดและโมลนูพิราเวียร์มีขึ้นในขณะที่สหรัฐกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วน 73% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาลดลงเหลือเพียง 27%
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ยารับประทานและยาที่ผู้ป่วยสามารถใช้เองได้ที่บ้านนั้น ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 และคาดว่ายาดังกล่าวอาจเป็นเครื่องมือใหม่ที่ใช้ในการต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว