องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยถึงหลักฐานเพิ่มเติมว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบน จึงทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการเบากว่าไวรัสสายพันธุ์ก่อน ๆ ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนพุ่งสูงขึ้นมาก และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ
"เรามีข้อมูลผลการศึกษามากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า เชื้อโอมิครอนแพร่กระจายอยู่ที่บริเวณส่วนบนของร่างกาย ต่างจากเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ปอดอักเสบ นั่นอาจเป็นข่าวดี แต่เราก็ยังต้องการข้อมูลผลการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัด" นายอับดิ มาฮามุด ผู้จัดการด้านสถานการณ์ของ WHO ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.)
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่อัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากเชื้อโอมิครอนนั้นต่ำกว่าการระบาดระลอกอื่น ๆ
ทั้งนี้ การแถลงของนายมาฮามุดเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ลดลงจากอาการป่วยที่รุนแรงของเชื้อโอมิครอนสอดคล้องกับข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงผลการศึกษาจากแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ตรวจพบเชื้อดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายมาฮามุดยังได้เตือนว่าแอฟริกาใต้นั้นต่างจากพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากมีประชากรวัยหนุ่มสาวที่เป็นตัวแปรท่ามกลางปัจจัยอื่น ๆ
นายมาฮามุดเตือนว่า เชื้อไวรัสโอมิครอนที่แพร่กระจายได้เร็วนั้นบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้จะเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดในอีกไม่กี่สัปดาห์ในหลายพื้นที่ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อระบบการแพทย์ในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งแต่ตรวจพบเชื้อไวรัสโอมิครอนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ข้อมูลของ WHO แสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปสู่ 128 ประเทศเป็นอย่างน้อย ทำให้หลายประเทศเผชิญกับความยากลำบาก ขณะที่ประชาชนพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจและกลับมาใช้ชีวิตหลังจากกิจกรรมต่าง ๆ ต้องหยุดชะงักไปเกือบสองปีเนื่องจากการระบาดของโควิด-19