นายทอดด์ แฮนด์ค็อก ประธานฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของบริษัทคอลลินสัน กรุ๊ป (Collinson Group) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวรายใหญ่ของเอเชียออกมาให้ความเห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ ขณะที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ประกาศเปลี่ยนแปลงมาตรการเพื่อรับมือกับโควิด-19
"อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะยังคงเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องในช่วงนี้" นายแฮนด์ค็อกกล่าวในรายการ "Squawk Box Asia" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
นายแฮนด์ค็อกยกตัวอย่างฮ่องกง ซึ่งได้สั่งห้ามเที่ยวบินจาก 8 ประเทศลงจอดที่ฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. ได้แก่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, อินเดีย, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา หลังนางแครี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเผยว่า ฮ่องกงเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ภายในชุมชน ในขณะที่ประเทศอังกฤษกลับเตรียมผ่อนคลายข้อบังคับต่าง ๆ สำหรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
นายแฮนด์ค็อกอ้างถึงผลสำรวจความคิดเห็นที่คอลลินสัน กรุ๊ปจัดทำร่วมกับ Centre for Aviation (CAPA) ซึ่งระบุว่า การตรวจหาเชื้อและการฉีดวัคซีนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการเดินทางในปี 2565 และอาจรวมถึงปี 2566 ด้วย
"เราต้องปรับตัวตามสถานการณ์ต่อไป และปรับเปลี่ยนการทำงานตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น" นายแฮนด์ค็อกกล่าว พร้อมกับเสริมว่า สายพันธุ์โอมิครอนไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก
เมื่อมีคำถามถึงเรื่องการยืนยันผลตรวจหาเชื้อและสถานะการฉีดวัคซีน นายแฮนด์ค็อกระบุว่า เป้าหมายคือการพัฒนาระบบดิจิทัลที่ใช้งานร่วมกันได้ทั่วโลก แต่การทำงานในปัจจุบันยังคงห่างไกลจากเป้าหมายดังกล่าวอยู่มาก
อย่างไรก็ดี อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นนั้นเป็นผลดีสำหรับผู้เดินทางทุกคน นายแฮนด์ค็อกกล่าว