ญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน (Quasi-Emergency) ในสามจังหวัดแล้ววันนี้ (9 ม.ค.) เพื่อรับมือยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการสามจังหวัดระบุว่ามาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนในฐานทัพสหรัฐ
นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐมีความเห็นโดยรวมตรงกันที่จะออกมาตรการเคอร์ฟิวกับบุคลากรของกองทัพสหรัฐ พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะเร่งพยายามดำเนินการต่าง ๆ เช่น เพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดอีกระลอก
ทั้งนี้ การประกาศมาตรการกึ่งฉุกเฉินจะมีผลบังคับใช้ในจังหวัดโอกินาว่า พื้นที่บางส่วนของจังหวัดยามากูชิ และฮิโรชิมะ ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถใช้มาตรการสกัดโควิด รวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น การปรับลดเวลาให้บริการในร้านอาหารและงดให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การประกาศมาตรการดังกล่าวมีขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่นายคิชิดะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนต.ค. 2564 ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่าญี่ปุ่นอาจเผชิญการแพร่ระบาดระลอกที่ 6 ซึ่งจะสร้างภาระรอบใหม่ให้กับระบบการแพทย์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเชื่อว่าการระบาดได้ลามเข้าสู่พื้นที่ใกล้เคียงอื่น ๆ แล้ว หลังพบการระบาดในคลัสเตอร์ฐานทัพแฮนเซ่นของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐที่จังหวัดโอกินาว่า ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานทัพอีกแห่งอื่นในจังหวัดยามากูชิ ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดฮิโรชิมะ
ส่วนเมื่อวันเสาร์ (8 ม.ค.) จังหวัดโอกินาว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1,759 ราย สูงเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และจะเข้าสู่มาตรการกึ่งฉุกเฉินทั้งจังหวัด ขณะที่จังหวัดยามากูชิจะมีเพียงบางเขตเท่านั้นที่อยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าว
ทางด้านนายคิชิดะกล่าวว่า "จากการหารือกับสหรัฐ เราบรรลุข้อตกลงอย่างกว้าง ๆ ที่จะไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพสหรัฐออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น ตอนนี้เรากำลังกำหนดรายละเอียดอยู่"
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังกล่าวว่า เขาจะพิจารณานำมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นมาใช้ในบางพื้นที่ หากไวรัสโอมิครอนระบาดจนเกินกำลังของโรงพยาบาลที่จะรับมือ